คุณเคยสงสัยไหมว่าภายในหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เห็นอยู่ทั่วไปมีอะไรอยู่ข้างใน? นอกจากขดลวดทองแดงและแกนเหล็กแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันและเปรียบเสมือน “หัวใจ” ของหม้อแปลงไฟฟ้าก็คือ Transformer Oil หรือ “น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า” คือของเหลวฉนวนที่มีบทบาทสำคัญในระบบหม้อแปลง โดยมีหน้าที่หลักคือ ช่วยระบายความร้อน และ ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ผ่านการเป็นฉนวนไฟฟ้า น้ำมันชนิดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อคงเสถียรภาพของการทำงานภายในหม้อแปลงไฟฟ้า ทั้งในระบบส่งกำลังขนาดใหญ่และอุปกรณ์อุตสาหกรรมต่าง ๆ การเลือก Transformer Oil ที่เหมาะสมจึงส่งผลต่อ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า

Transformer Oil มีกี่ประเภท?

น้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าไม่ได้มีแค่ประเภทเดียว แต่มีการพัฒนาเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน โดยหลัก ๆ แล้วสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทดังนี้

 

น้ำมันหม้อแปลง IEC 296

เป็นน้ำมันชนิดพิเศษที่ใช้ในหม้อแปลงไฟฟ้าแรงดันสูง ซึ่งทำหน้าที่ทั้งเป็นฉนวนไฟฟ้าและช่วยถ่ายเทความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติเหลวใส ความหนืดต่ำ ทนต่ออุณหภูมิสูง และมีค่าความเป็นฉนวนตามเกณฑ์มาตรฐาน IEC 296

น้ำมันหม้อแปลงชนิด Synthetic (เช่น Silicone, Ester)

น้ำมันหม้อแปลงชนิดสังเคราะห์ คือของเหลวที่ได้จากกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมี ไม่ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบโดยตรงเหมือนกับน้ำมันหม้อแปลงทั่วไป ด้วยกระบวนการผลิตเฉพาะนี้ทำให้น้ำมันสังเคราะห์มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าในหลายด้าน เช่น มีจุดวาบไฟสูงกว่า ทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าน้ำมันหม้อแปลงชนิดทั่วไป

น้ำมันหม้อแปลงแบบ Natural Ester (Bio-based)

น้ำมันหม้อแปลงประเภท Natural Ester เป็นน้ำมันที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น น้ำมันพืช โดยมีคุณสมบัติในการเป็นฉนวนไฟฟ้าและรองรับความร้อนได้ดีกว่าน้ำมันที่มีฐานปิโตรเลียม นอกจากนี้ยังเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะสามารถย่อยสลายได้ตามกระบวนการทางธรรมชาติ

เปรียบเทียบแต่ละชนิด: ข้อดี ข้อเสีย การใช้งาน

น้ำมันหม้อแปลง IEC 296
ข้อดี: เป็นน้ำมันหม้อแปลงแบบดั้งเดิมที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย มีราคาถูกที่สุดและมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าที่ดีเยี่ยมในการเป็นฉนวนและระบายความร้อน
ข้อเสีย: ติดไฟได้ง่ายและเมื่อเกิดการไหม้จะปล่อยควันพิษและสารที่อาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม การรั่วไหลอาจก่อให้เกิดมลภาวะต่อดินและน้ำ

น้ำมันหม้อแปลงชนิด Synthetic
ข้อดี: มีจุดวาบไฟสูงมาก (ติดไฟยาก) และไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับน้ำมันแร่ มีคุณสมบัติทางความร้อนที่ดีเยี่ยมและทนทานต่อการออกซิเดชันสูง อายุการใช้งานยาวนาน
ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าน้ำมันหม้อแปลง IEC 296 มาก

น้ำมันหม้อแปลงแบบ Natural Ester (Bio-based)
ข้อดี: เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ย่อยสลายได้ ไม่เป็นพิษ มีจุดวาบไฟสูงมาก (ติดไฟยากมาก) และมีคุณสมบัติดูดซับความชื้นได้ดี ช่วยยืดอายุฉนวนกระดาษในหม้อแปลง
ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าน้ำมันหม้อแปลง IEC 296 และอาจมีราคาใกล้เคียงหรือสูงกว่าน้ำมันหม้อแปลงชนิด Synthetic ในบางกรณี

 

คุณสมบัติสำคัญของ Transformer Oil ที่ควรรู้

เพื่อให้หม้อแปลงไฟฟ้าทำงานได้ดีและปลอดภัย น้ำมันหม้อแปลงที่ใช้ต้องมีคุณสมบัติเหมาะสม โดยคุณสมบัติสำคัญที่ควรมี ได้แก่

– เป็นฉนวนไฟฟ้าได้ดี (High Dielectric Strength)
น้ำมันต้องสามารถทนต่อแรงดันไฟฟ้าสูงได้โดยไม่เกิดการ Breakdown หรือช็อตภายใน ช่วยป้องกันการลัดวงจรในหม้อแปลง
– ระบายความร้อนได้ดี (Good Heat Transfer Capability)
น้ำมันทำหน้าที่รับความร้อนจากขดลวดและแกนเหล็ก แล้วถ่ายเทความร้อนไปยังผนังของหม้อแปลงเพื่อระบายออกสู่ภายนอก
– มีความหนืดต่ำ (Low Viscosity)
ช่วยให้น้ำมันไหลเวียนได้ง่ายและเร็วขึ้น ทำให้การระบายความร้อนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
– จุดวาบไฟสูง (High Flash Point)
คืออุณหภูมิที่ไอระเหยของน้ำมันสามารถติดไฟได้เมื่อมีประกาย จุดวาบไฟที่สูงบ่งบอกถึงความปลอดภัยในการใช้งานที่มากขึ้น
– จุดไหลเทต่ำ (Low Pour Point)
เป็นอุณหภูมิต่ำสุดที่น้ำมันยังสามารถคงสภาพของเหลวและไหลได้ ช่วยให้หม้อแปลงยังทำงานได้แม้ในสภาพอากาศที่หนาวจัด
– มีเสถียรภาพทางเคมีสูง (High Chemical Stability)
น้ำมันควรทนต่อการเสื่อมสภาพและการเกิดออกซิเดชันเมื่อใช้งานไปนานๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานของหม้อแปลง

Transformer Oil

Transformer Oil ใช้ทำอะไรในระบบหม้อแปลง?

น้ำมันหม้อแปลง (Transformer Oil) ในระบบหม้อแปลงไฟฟ้ามีหน้าที่สำคัญ 2 อย่าง คือ เป็นฉนวนไฟฟ้า และช่วยระบายความร้อน น้ำมันนี้จะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เกิดการลัดวงจรระหว่างขดลวด และยังช่วยนำความร้อนที่เกิดขึ้นภายในหม้อแปลงออกไป เพื่อปกป้องไม่ให้หม้อแปลงได้รับความเสียหายจากความร้อนสูงเกินไป

 

วิธีเลือก Transformer Oil ให้เหมาะกับงานของคุณ

การเลือกน้ำมันหม้อแปลงที่เหมาะสม ต้องพิจารณาหลายด้าน เช่น

– ประเภทหม้อแปลง เลือกน้ำมันที่รองรับการใช้งานเฉพาะตามชนิดหม้อแปลง
– สภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ ความชื้น และความเสี่ยงไฟไหม้ ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพ
– มาตรฐานและคุณภาพ ควรเลือกน้ำมันที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและความทนทาน
– ข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อม หากต้องการเป็นมิตรกับสิ่งแวเล้อม ควรเลือกน้ำมันชนิด Bio-based ที่ย่อยสลายได้ง่าย

ด้วยการเลือกน้ำมันที่เหมาะสม จะช่วยยืดอายุหม้อแปลงและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างเต็มที่

 

น้ำมันหม้อแปลงจาก UMANG – คุณภาพมาตรฐานอุตสาหกรรม

ที่ UMANG เราจำหน่ายน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าคุณภาพดี ผ่านการรับรองมาตรฐานและการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหม้อแปลงของคุณจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทีมงานของเราพร้อมให้คำแนะนำและช่วยเลือกน้ำมันที่เหมาะกับการใช้งานของคุณจริง ๆ เพื่อให้คุณมั่นใจทุกครั้งที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์จาก UMANG

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

น้ำมันหม้อแปลงต้องเปลี่ยนบ่อยไหม?

โดยปกติแล้ว น้ำมันหม้อแปลงควรมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ส่วนการเปลี่ยนจะขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและผลการทดสอบคุณภาพน้ำมัน หากน้ำมันเสื่อมสภาพหรือมีการปนเปื้อนมาก ควรเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันความเสียหาย

Transformer Oil แบบ Bio-based ดีกว่าน้ำมันทั่วไปหรือไม่?

น้ำมัน Bio-based มีข้อดีในเรื่องความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยเมื่อรั่วไหล และมีจุดวาบไฟสูง แต่ราคาจะสูงกว่าน้ำมันแร่ทั่วไป และอายุการใช้งานอาจสั้นกว่า

ขาย Transformer Oil แบบไหนบ้าง?

เราจำหน่าย Transformer Oil หลักๆ 2 รูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย

ชนิดถัง: บรรจุในถังขนาด 210 ลิตร เหมาะสำหรับงานที่มีปริมาณการใช้งานไม่มาก หรือต้องการความสะดวกในการขนส่งและจัดเก็บ

ชนิดแทงค์: บรรจุใน Flexi Bag ขนาด 24,000 ลิตร โดยคิดราคาต่อลิตร เหมาะสำหรับลูกค้าที่มีความต้องการปริมาณมาก และต้องการลดต้นทุนการจัดซื้อ

โดยน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าของเราได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด เช่น IEC 296 สำหรับใช้งานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ IEC 60296 สำหรับใช้งานกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)